ทำไมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างเดียว ยังไม่พอ? 5 สัญญาณที่บอกว่ารถคุณต้องล้างเครื่องยนต์ด่วน!

ทำไมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างเดียว ยังไม่พอ?
แม้คุณจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ แต่ระหว่างการใช้งานจริง เครื่องยนต์จะเกิดคราบเขม่า ตะกอน และโคลนดำสะสมภายในเสมอ โดยเฉพาะในรถที่ใช้งานในเมืองหรือรถที่มีอายุหลายปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องลดลงอย่างรวดเร็ว
นี่คือ 5 สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาต้องล้างเครื่องยนต์แล้ว

1) น้ำมันเครื่องดำเร็วผิดปกติ
น้ำมันเครื่องที่เปลี่ยนใหม่แต่กลับดำภายในเวลาอันสั้น มักเกิดจากคราบเขม่าและตะกอนเก่าที่ค้างอยู่ภายในเครื่องยนต์ การล้างเครื่องยนต์จะช่วยกำจัดคราบเหล่านี้ ทำให้น้ำมันใหม่สะอาดและคงคุณภาพได้นานขึ้น
2) เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ เสียงดัง สะดุด หรือไฟเครื่องโชว์
สัญญาณเหล่านี้บ่งบอกว่ามีคราบสกปรกสะสมตามวาล์ว แบริ่ง หรือช่องทางเดินน้ำมันหล่อลื่น จนทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มที่ การล้างเครื่องยนต์ช่วยเปิดทางการไหลเวียนของน้ำมันและทำให้เครื่องเดินเรียบขึ้นทันที
3) รถเร่งไม่ขึ้น อัตราเร่งหน่วงกว่าปกติ
คราบคาร์บอนบริเวณลูกสูบและแหวนลูกสูบทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ทำให้รถอืดและเร่งไม่ขึ้น การล้างเครื่องยนต์ช่วยขจัดคราบเหล่านี้ได้ดีกว่าการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างเดียว

4) เปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้วเครื่องยังไม่ดีขึ้น
หากยังรู้สึกว่ารถไม่ลื่นหรือยังมีเสียงดังหลังจากถ่ายน้ำมันเครื่อง อาจเป็นเพราะ น้ำมันใหม่ผสมกับคราบน้ำมันเก่า ที่ยังค้างอยู่ การฟลัชชิ่งเครื่องยนต์ช่วยล้างตะกอนให้เกือบหมด ทำให้น้ำมันใหม่ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
5) ใช้รถในเมืองหรือระยะสั้นบ่อยๆ
รถที่ต้องวิ่งแบบหยุดเคลื่อนอยู่เสมอ เครื่องยนต์มักไม่ร้อนพอที่จะเผาคราบสกปรกได้หมด ส่งผลให้เกิดการสะสมของตะกอนมากกว่าปกติ เหมาะอย่างยิ่งที่จะล้างเครื่องยนต์ทุก 10,00020,000 กม.
ประโยชน์ของการล้างเครื่องยนต์ (Engine Flush)
- เครื่องยนต์เดินเรียบขึ้น ลดอาการสั่น
- ลดเสียงดังผิดปกติ
- อัตราเร่งดีขึ้นทันที
- น้ำมันเครื่องใหม่ไม่ปนกับคราบเก่า
- ยืดอายุการใช้งานชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์
- ลดความเสี่ยงเกิดคราบโคลนดำ (Sludge)
ควรล้างเครื่องยนต์บ่อยแค่ไหน?
- แนะนำทุก ๆ 10,000-20,000 กม. หรือทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
